พระเจ้าตากตั้งธนบุรีเป็นราชธานี
เมื่อตั้งตัวเป็นใหญ่ที่ธนบุรีแล้วได้ทำพิธีราชาภิเษกใน พ.ศ. 2310 ตั้งธนบุรีเป็นราชธานีอยู่ 15 ปี การที่ทรงเลือกธนบุรีเป็นเมืองหลวง เพราะเหตูผลดังนี้
1.รี้พลของเจ้าตากมีไม่เพียงพอที่จะรักษากรุงศรีอยุธยาและพม่าก็รู้ทางที่จะเข้ามากรุงศรีอยุธยาจึงไม่ปลอดภัย
2.กรุงศรีอยุธยาเสียหายมากยากที่จะปฎิสังขรณ์ให้คืนดีได้
3.เมืองธนบุรีมีป้อมปราการซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์และลักษณะเมืองนั้นขนาดย่อมพอแก่กำลังของพระเจ้าตากจะรักษาไว้ได้
4.ลักษณะที่ตั้งของธนบุรีนั้นใกล้ทะเล ถ้าหากถูกโจมตีก็จะล่าถอยไปยังจันทบุรีได้ง่าย
5.ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะ สะดวกแก่การไปมาค้าขายกับต่างประเทศเป็นประโยชน์ในด้านเศรฐกิจพระยาตากเมื่อกู้ประเทศไทยให้พ้นจากอำนาจพม่าได้แล้วตั้งธนบุรีเป็นราชธานีการรวบรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น
การปราบชุมนุมต่างๆเป็นการรวบรวมไทยที่แตกแยกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำให้ชาติมั่นคงขึ้นในชุมนุมทั้งหมด 5 ชุมนุมนั้น เจ้าตากได้เปรียบกว่าชุมนุมอื่นเพราะ เจ้าตากมีพระชนม์ 34 พรรษาอันเป็นเวลาที่มีกำลังว่องไวทั้งกำลังกายและสติปัญญา
เจ้าตากเป็นชาวกรุงศรีอยุธยาเจริญวัยในกรุงและคุ้นเคยกับข้าราชการรุ่นเดียวกันเป็นเหตุให้ข้าราชการหนุ่มเหล่านั้นเข้าร่วมเป็นกำลังเมื่อรบพุ่งรักษากรุงเจ้าตากได้แสดงฝีมือเข้มแข็งเป็นที่ยกย่องยำเกรงแก่คนทั้งหลายทหารของเจ้าตากมียุทธวินัย ชำนาญกระบวนยุทธกว่าชุมนุมอื่น ๆ ในการปราบชุมนุมต่าง ๆ ให้สำเร็จได้นั้นใช้เวลา 3 ปี (พ.ศ. 2311-2313) ชุมนุมแรกที่ไปปราบ คือ ชุมนุมพิษณุโลก เพราะอยู่ใกล้กรุงธนบุรีและสะดวกในการเดินทัพแต่ไม้สำเร็จจึงได้เปลี่ยนแผนใหม่เริ่มแต่ชุมนุมเจ้าพิมาย เจ้านครศรีธรรมราช เจ้าฝาง เป็นลำดับ
1.การปราบชุมนุมเจ้าพิษณุโลก ภายหลังศึกบางกุ้งใน พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้ยกทัพไปปราบชุมนุมเจ้าพิษณุโลกเจ้าพิษณุโลกให้หลวงโกษาคุมทหารมารับที่ตำบลเกยชัยอยู่ในแขวงเมืองนครสวรรค์ได้สู้รบกันแต่ไม่สำเร็จ
เพราะพระเจ้ากรุงธนบุรีถูกปืนที่พระชงฆ์จึงยกทัพกลับเจ้าพิษณุโลกเมือ่อเห็นพระเจ้ากรุงธนบุรีสู้ไม่ได้เลยเชื่อบารมีของตนตั้งตัวเป็นใหญ่เป็นกษัตริย์ได้ 7 วันเกิดเป็นฝีที่ลำคอถึงพิราลัยชุมนุมพิษณุโลกอ่อนแอลงต้องเสียเมืองให้แก่เจ้าพระฝางเมื่อชุมนุมพิษณุโลกเสียแก่เจ้าพระฝางพวกราษฎรได้หนีเข้ามายังกรุงธนบุรีเป็นการเพิ่มกำลังผู้คนและอาวุธด้วย
2.การปราบเจ้าพิมาย ใน พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพไปเมืองนคาราชสีมาเพื่อจะปราบเจ้าพิมายโปรดให้พระมหามนตรีและพระราชวรินทร์คุมกองทัพไปทางหนึ่งรบกับข้าศึกที่ด่านกระโทกพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จยกทัพหลวงรบข้าศึกที่ด่านจอหอกองทัพทั้งสองแสดงฝีมือในการรบจนได้ชัยชนะ นับว่าได้ขยายอาณาเขตไปจนถึงนครราชสีมาเจ้าพิมายหนีแต่กรมการเมืองนครราชสีมาจับตัวมาถวายได้ซึ่งหมายจะเลี้ยงเอาไว้แต่เจ้าพิมายแสดงความกระด้างกระเดื่องไม่อ่อนน้อมเลยโปรดให้ประหารชีวิตเสีย โปรดให้พระราชวรินทร์เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์โปรดให้พระมหามนตรีเลื่อนเป็นพระยาอนุชิตราชา
3.ราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช (พ.ศ. 2312) ครั้งแรกโปรดให้แม่ทัพยกไปแต่การรบไม่ได้ผล เพราะไม่ปรองดองกันจึงต้องเสด็จยกกองทัพไปเองทรงยกกองทัพเรือไปตีได้เมืองนครศรีธรรมราชพระยานคร (หนู) หนีไปอยู่ปัตตานีพระยาตานีศรีสุลต่านจับตัวมาถวายโปรดให้ชุบเลี้ยงไว้ตั้งหลานเธอเจ้านราสุริยสงศ์ไปปกครองแทนเจ้านครถึงพิลาลัยเจ้าพระยานครจึงได้เป็นเจ้าเมืองนคร ทรงยกฐานะอย่างเจ้าประเทศราช
4.ปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง (พ.ศ. 2313) พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเห็นว่าเจ้าพระฝางมีอำนาจมากทางเหนือจึงเสด็จยกทัพไปปราบเองทรงเลื่อนพระยาอนุชิตราชาเป็นพระยายมราชทำหน้าที่สมุหนายกพระเจ้ากรุงธนบุรีตีหัวเมืองรายทางได้
ตึพิษณุโลกได้แล้วเลยไปตีสวางคบุรีเจ้าพระฝางหนีไปพึ่งพม่าที่เชียงใหม่
ซึ่งขณะนั้นโปมะยุง่วนแม่ทัพพม่าได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
พระเจ้ากรุงธนบุรีไช้เวลาปราบชุมนุมต่าง ๆ ถึง 3 ปี อาณาเขตขยายไปทางเหนือจดเชียงใหม่เสร็จจากการปราบแล้วได้ประทับจัดการปกครองจนสิ้นฤดูฝนรวบรวมผู้คนให้กลับถิ่นเดิมทรงตั้งข้าราชการซึ่งมีความดีความชอบในราชการโปรดให้เลื่อนพระยายมราชเป็นพระยาสุรสีห์เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกและทรงตั้งพระยาอภัยรณฤทธิ์เป็นพระยายมราชเมื่อจัดการเมืองเหนือเรียบร้อยแล้วก็เสด็จกลับกรุงธนบุรี
1.รี้พลของเจ้าตากมีไม่เพียงพอที่จะรักษากรุงศรีอยุธยาและพม่าก็รู้ทางที่จะเข้ามากรุงศรีอยุธยาจึงไม่ปลอดภัย
2.กรุงศรีอยุธยาเสียหายมากยากที่จะปฎิสังขรณ์ให้คืนดีได้
3.เมืองธนบุรีมีป้อมปราการซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์และลักษณะเมืองนั้นขนาดย่อมพอแก่กำลังของพระเจ้าตากจะรักษาไว้ได้
4.ลักษณะที่ตั้งของธนบุรีนั้นใกล้ทะเล ถ้าหากถูกโจมตีก็จะล่าถอยไปยังจันทบุรีได้ง่าย
5.ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะ สะดวกแก่การไปมาค้าขายกับต่างประเทศเป็นประโยชน์ในด้านเศรฐกิจพระยาตากเมื่อกู้ประเทศไทยให้พ้นจากอำนาจพม่าได้แล้วตั้งธนบุรีเป็นราชธานีการรวบรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น
การปราบชุมนุมต่างๆเป็นการรวบรวมไทยที่แตกแยกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำให้ชาติมั่นคงขึ้นในชุมนุมทั้งหมด 5 ชุมนุมนั้น เจ้าตากได้เปรียบกว่าชุมนุมอื่นเพราะ เจ้าตากมีพระชนม์ 34 พรรษาอันเป็นเวลาที่มีกำลังว่องไวทั้งกำลังกายและสติปัญญา
เจ้าตากเป็นชาวกรุงศรีอยุธยาเจริญวัยในกรุงและคุ้นเคยกับข้าราชการรุ่นเดียวกันเป็นเหตุให้ข้าราชการหนุ่มเหล่านั้นเข้าร่วมเป็นกำลังเมื่อรบพุ่งรักษากรุงเจ้าตากได้แสดงฝีมือเข้มแข็งเป็นที่ยกย่องยำเกรงแก่คนทั้งหลายทหารของเจ้าตากมียุทธวินัย ชำนาญกระบวนยุทธกว่าชุมนุมอื่น ๆ ในการปราบชุมนุมต่าง ๆ ให้สำเร็จได้นั้นใช้เวลา 3 ปี (พ.ศ. 2311-2313) ชุมนุมแรกที่ไปปราบ คือ ชุมนุมพิษณุโลก เพราะอยู่ใกล้กรุงธนบุรีและสะดวกในการเดินทัพแต่ไม้สำเร็จจึงได้เปลี่ยนแผนใหม่เริ่มแต่ชุมนุมเจ้าพิมาย เจ้านครศรีธรรมราช เจ้าฝาง เป็นลำดับ
1.การปราบชุมนุมเจ้าพิษณุโลก ภายหลังศึกบางกุ้งใน พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้ยกทัพไปปราบชุมนุมเจ้าพิษณุโลกเจ้าพิษณุโลกให้หลวงโกษาคุมทหารมารับที่ตำบลเกยชัยอยู่ในแขวงเมืองนครสวรรค์ได้สู้รบกันแต่ไม่สำเร็จ
เพราะพระเจ้ากรุงธนบุรีถูกปืนที่พระชงฆ์จึงยกทัพกลับเจ้าพิษณุโลกเมือ่อเห็นพระเจ้ากรุงธนบุรีสู้ไม่ได้เลยเชื่อบารมีของตนตั้งตัวเป็นใหญ่เป็นกษัตริย์ได้ 7 วันเกิดเป็นฝีที่ลำคอถึงพิราลัยชุมนุมพิษณุโลกอ่อนแอลงต้องเสียเมืองให้แก่เจ้าพระฝางเมื่อชุมนุมพิษณุโลกเสียแก่เจ้าพระฝางพวกราษฎรได้หนีเข้ามายังกรุงธนบุรีเป็นการเพิ่มกำลังผู้คนและอาวุธด้วย
2.การปราบเจ้าพิมาย ใน พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพไปเมืองนคาราชสีมาเพื่อจะปราบเจ้าพิมายโปรดให้พระมหามนตรีและพระราชวรินทร์คุมกองทัพไปทางหนึ่งรบกับข้าศึกที่ด่านกระโทกพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จยกทัพหลวงรบข้าศึกที่ด่านจอหอกองทัพทั้งสองแสดงฝีมือในการรบจนได้ชัยชนะ นับว่าได้ขยายอาณาเขตไปจนถึงนครราชสีมาเจ้าพิมายหนีแต่กรมการเมืองนครราชสีมาจับตัวมาถวายได้ซึ่งหมายจะเลี้ยงเอาไว้แต่เจ้าพิมายแสดงความกระด้างกระเดื่องไม่อ่อนน้อมเลยโปรดให้ประหารชีวิตเสีย โปรดให้พระราชวรินทร์เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์โปรดให้พระมหามนตรีเลื่อนเป็นพระยาอนุชิตราชา
3.ราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช (พ.ศ. 2312) ครั้งแรกโปรดให้แม่ทัพยกไปแต่การรบไม่ได้ผล เพราะไม่ปรองดองกันจึงต้องเสด็จยกกองทัพไปเองทรงยกกองทัพเรือไปตีได้เมืองนครศรีธรรมราชพระยานคร (หนู) หนีไปอยู่ปัตตานีพระยาตานีศรีสุลต่านจับตัวมาถวายโปรดให้ชุบเลี้ยงไว้ตั้งหลานเธอเจ้านราสุริยสงศ์ไปปกครองแทนเจ้านครถึงพิลาลัยเจ้าพระยานครจึงได้เป็นเจ้าเมืองนคร ทรงยกฐานะอย่างเจ้าประเทศราช
4.ปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง (พ.ศ. 2313) พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเห็นว่าเจ้าพระฝางมีอำนาจมากทางเหนือจึงเสด็จยกทัพไปปราบเองทรงเลื่อนพระยาอนุชิตราชาเป็นพระยายมราชทำหน้าที่สมุหนายกพระเจ้ากรุงธนบุรีตีหัวเมืองรายทางได้
ตึพิษณุโลกได้แล้วเลยไปตีสวางคบุรีเจ้าพระฝางหนีไปพึ่งพม่าที่เชียงใหม่
ซึ่งขณะนั้นโปมะยุง่วนแม่ทัพพม่าได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่
พระเจ้ากรุงธนบุรีไช้เวลาปราบชุมนุมต่าง ๆ ถึง 3 ปี อาณาเขตขยายไปทางเหนือจดเชียงใหม่เสร็จจากการปราบแล้วได้ประทับจัดการปกครองจนสิ้นฤดูฝนรวบรวมผู้คนให้กลับถิ่นเดิมทรงตั้งข้าราชการซึ่งมีความดีความชอบในราชการโปรดให้เลื่อนพระยายมราชเป็นพระยาสุรสีห์เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกและทรงตั้งพระยาอภัยรณฤทธิ์เป็นพระยายมราชเมื่อจัดการเมืองเหนือเรียบร้อยแล้วก็เสด็จกลับกรุงธนบุรี