สงครามเก้าทัพ พ.ศ.2328
สมัยรัตนโกสินทร์นับตั้งแต่แรกตั้งใน พ.ศ. 2325 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 200 ปีเศษ มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมายดังตัวอย่างต่อไปนี้
สงครามเก้าทัพเป็นสงครามใหญ่ครั้งแรกภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ได้เพียง 3 ปี ในสงครามนี้ข้าศึกได้ยกกำลังพลประมาณ 144,000 คน เพื่อพิชิตไทยให้ได้ ถ้าเราพ่ายแพ้ก็ยากที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้อีก ดังนั้นสงครามครั้งนี้จึงมีความสำคัญมากต่ออนาคตของเมืองไทยสงครามเก้าทัพเรียกตามจำนวนกองทัพที่พระเจ้าปะดุง กษัตริย์พม่าจัดแบ่งกำลังทหารเป็น 9 ทัพ เพื่อมาโจมตีไทยโดย ทัพที่ 1 โจมตีทางปักษ์ใต้ ทัพที่ 2 โจมตีเมืองราชบุรีลงไปทางใต้ ทัพที่ 3 โจมตีลำปางและหัวเมืองฝ่ายเหนือลงมา ทัพที่ 4 ถึง ทัพที่ 8 มุ่งโจมตีกรุงเทพฯ
โดยยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์พระเจ้าปะดุงเป็นแม่ทัพคุมทัพที่ 8 ซึ่งเป็นทัพหลวงมีกำลังมากที่สุดถึง 50,000 คน และทัพที่ 9 โจมตีเมืองตาก กำแพงเพชรลงมาแผนการรบของพระเจ้าปะดุง คือ โจมตีไทยทางเหนือ ทางตะวันตกและทางใต้พร้อมกันโดยมีเป้าหมายหลักคือ กรุงเทพฯ ให้ทัพที่ 3 และทัพที่ 2 ยกมาบรรจบกับทัพที่ 4 ถึงทัพที่ 8เพื่อโจมตีกรุงเทพฯ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบข่าวศึกจึงทรงปรึกษาวางแผนการต่อต้านข้าศึกและรวมไพร่พลได้ประมาณ
70,000 คน ซึ่งน้อยกว่ากำลังทหารของพม่ากว่าครึ่งหนึ่งกำลังไพร่พลของไทยแม้จะน้อยกว่าทหารพม่าแต่ก็มีประสบการณ์และมีความกล้าหาญเพราะรบชนะมาตลอดในสมัยธนบุรีอีกทั้งมีแม่ทัพที่ทรงพระปรีชาสามารถ คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระอนุชาธิราช คือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท แผนการรบของไทย คือ ต่อต้านทัพพม่าทางด้านที่สำคัญก่อน โดยจัดทัพเป็น 4 ทัพ โดยให้ทัพที่ 1 ยกไปต่อต้านพม่าทางเหนือที่เมืองนครสวรรค์ ทัพที่ 2 ยกไปต่อต้านพม่าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นด่านสำคัญ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ ทัพที่ 3 ยกไปต่อต้านพม่าที่ราชบุรี ทัพที่ 4 เป็นทัพหนุนคอยช่วยเหลือการศึกด้านที่หนักมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นจอมทัพ
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปทางเมืองกาญจนบุรี ตั้งทัพอยู่ที่ทุ่งลาดหญ้าเชิงเขาบรรทัดสกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่ายกลงมาจากภูเขาเพื่อไม่ให้ทัพพม่าลงมาหาเสบียงอาหารได้นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสียงอาหารของพม่านอกจากนั้นยังลวงพม่าโดยถอนกำลังออกในเวลากลางคืนครั้นรุ่งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามา เสมือนว่ามีกำลังเพิ่มเติมเข้ามาเสมอเมื่อทำให้กองทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหาร และครั่นคร้ามกองทัพไทยมากแล้วจึงโจมตีทัพที่ 4และทัพที่ 5 ของพม่า
และได้ชัยชนะโดยง่ายพระเจ้าปะดุงเห็นว่าถ้าสู้รบต่อไปคงไม่ชนะไทยจึงยกทัพกลับ สำหรับการโจมตีไทยทางด้านอื่นปรากฏว่าทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางต่อต้านพม่าไว้ได้แต่หลายเมืองไม่มีกำลังพอพม่าจึงตีได้หัวเมืองหลายเมืองจนถึงเมืองพิษณุโลก
เมื่อเสร็จศึกทางด่านพระเจดีย์สามองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยทัพที่ไปต่อต้านพม่าทางภาคเหนือทัพไทยสามารถขับไล่ทัพพม่าออกไปได้รวมทั้งทัพพม่าที่ล้อมเมืองลำปางด้วยส่วนทางปักษ์ใต้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จยกทัพลงไปช่วย แต่ก่อนที่จะเสด็จลงไปถึง ทัพพม่าได้โจมตีเมืองถลางซึ่งในเวลานั้นเจ้าเมืองถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่แต่ชาวเมืองได้รวมกำลังคนต่อสู้โดยมีคุณหญิงจันภรรยาเจ้าเมืองที่ถึงแก่กรรมและนางมุกน้องสาวเป็นหัวหน้าซึ่งสามารถต่อต้านพม่าไว้ได้หลังเสร็จศึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์(หรือท้าวเทพสตรี)นางมุกเป็นท้าวศรีสุนทรแต่งตั้งถือเป็นวีรสตรีของไทย นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้และยกลงไปตีเมืองสงขลาเจ้าเมืองและกรมการเมืองพัทลุงทราบข่าวจึงหลบหนีเอาตัวรอดแต่พระมหาช่วยภิกษุที่ชาวเมืองนับถือมากได้ชักชวนชาวเมืองให้ต่อสู้สกัดทัพพม่าไว้ได้เมื่อกองทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทยกลงไปช่วยได้สู้รบกับทัพพม่าที่เมืองไชยาทัพพม่าแตกพ่ายไปสำหรับพระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการทรงตั้งให้เป็นพระยาทุกขราษฎร์กรมการเมืองพัทลุง
หลังจากพ่ายแพ้ไทยกลับไป พระเจ้าปะดุง ได้รวบรวมกำลังตีไทยในปีถัดมาคือ พ.ศ. 2329โดยครั้งนี้ได้รวมกำลังเป็นทัพใหญ่ทัพเดียว พร้อมจัดหาเสบียงอาหารให้บริบูรณ์ยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์แล้วตั้งทัพที่ท่าดินแดง เมืองกาญจนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดห้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพหน้าพระองค์เป็นแม่ทัพหลวง ทัพทั้งสองไปโจมตีทัพพม่าพร้อมกัน สู้รบกันเพียง 3 วัน ทัพพม่าก็แตกพ่ายไป
สงครามเก้าทัพเป็นสงครามใหญ่ครั้งแรกภายหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ได้เพียง 3 ปี ในสงครามนี้ข้าศึกได้ยกกำลังพลประมาณ 144,000 คน เพื่อพิชิตไทยให้ได้ ถ้าเราพ่ายแพ้ก็ยากที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้อีก ดังนั้นสงครามครั้งนี้จึงมีความสำคัญมากต่ออนาคตของเมืองไทยสงครามเก้าทัพเรียกตามจำนวนกองทัพที่พระเจ้าปะดุง กษัตริย์พม่าจัดแบ่งกำลังทหารเป็น 9 ทัพ เพื่อมาโจมตีไทยโดย ทัพที่ 1 โจมตีทางปักษ์ใต้ ทัพที่ 2 โจมตีเมืองราชบุรีลงไปทางใต้ ทัพที่ 3 โจมตีลำปางและหัวเมืองฝ่ายเหนือลงมา ทัพที่ 4 ถึง ทัพที่ 8 มุ่งโจมตีกรุงเทพฯ
โดยยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์พระเจ้าปะดุงเป็นแม่ทัพคุมทัพที่ 8 ซึ่งเป็นทัพหลวงมีกำลังมากที่สุดถึง 50,000 คน และทัพที่ 9 โจมตีเมืองตาก กำแพงเพชรลงมาแผนการรบของพระเจ้าปะดุง คือ โจมตีไทยทางเหนือ ทางตะวันตกและทางใต้พร้อมกันโดยมีเป้าหมายหลักคือ กรุงเทพฯ ให้ทัพที่ 3 และทัพที่ 2 ยกมาบรรจบกับทัพที่ 4 ถึงทัพที่ 8เพื่อโจมตีกรุงเทพฯ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงทราบข่าวศึกจึงทรงปรึกษาวางแผนการต่อต้านข้าศึกและรวมไพร่พลได้ประมาณ
70,000 คน ซึ่งน้อยกว่ากำลังทหารของพม่ากว่าครึ่งหนึ่งกำลังไพร่พลของไทยแม้จะน้อยกว่าทหารพม่าแต่ก็มีประสบการณ์และมีความกล้าหาญเพราะรบชนะมาตลอดในสมัยธนบุรีอีกทั้งมีแม่ทัพที่ทรงพระปรีชาสามารถ คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระอนุชาธิราช คือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท แผนการรบของไทย คือ ต่อต้านทัพพม่าทางด้านที่สำคัญก่อน โดยจัดทัพเป็น 4 ทัพ โดยให้ทัพที่ 1 ยกไปต่อต้านพม่าทางเหนือที่เมืองนครสวรรค์ ทัพที่ 2 ยกไปต่อต้านพม่าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นด่านสำคัญ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ ทัพที่ 3 ยกไปต่อต้านพม่าที่ราชบุรี ทัพที่ 4 เป็นทัพหนุนคอยช่วยเหลือการศึกด้านที่หนักมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นจอมทัพ
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปทางเมืองกาญจนบุรี ตั้งทัพอยู่ที่ทุ่งลาดหญ้าเชิงเขาบรรทัดสกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่ายกลงมาจากภูเขาเพื่อไม่ให้ทัพพม่าลงมาหาเสบียงอาหารได้นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสียงอาหารของพม่านอกจากนั้นยังลวงพม่าโดยถอนกำลังออกในเวลากลางคืนครั้นรุ่งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามา เสมือนว่ามีกำลังเพิ่มเติมเข้ามาเสมอเมื่อทำให้กองทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหาร และครั่นคร้ามกองทัพไทยมากแล้วจึงโจมตีทัพที่ 4และทัพที่ 5 ของพม่า
และได้ชัยชนะโดยง่ายพระเจ้าปะดุงเห็นว่าถ้าสู้รบต่อไปคงไม่ชนะไทยจึงยกทัพกลับ สำหรับการโจมตีไทยทางด้านอื่นปรากฏว่าทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางต่อต้านพม่าไว้ได้แต่หลายเมืองไม่มีกำลังพอพม่าจึงตีได้หัวเมืองหลายเมืองจนถึงเมืองพิษณุโลก
เมื่อเสร็จศึกทางด่านพระเจดีย์สามองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยทัพที่ไปต่อต้านพม่าทางภาคเหนือทัพไทยสามารถขับไล่ทัพพม่าออกไปได้รวมทั้งทัพพม่าที่ล้อมเมืองลำปางด้วยส่วนทางปักษ์ใต้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จยกทัพลงไปช่วย แต่ก่อนที่จะเสด็จลงไปถึง ทัพพม่าได้โจมตีเมืองถลางซึ่งในเวลานั้นเจ้าเมืองถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่แต่ชาวเมืองได้รวมกำลังคนต่อสู้โดยมีคุณหญิงจันภรรยาเจ้าเมืองที่ถึงแก่กรรมและนางมุกน้องสาวเป็นหัวหน้าซึ่งสามารถต่อต้านพม่าไว้ได้หลังเสร็จศึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์(หรือท้าวเทพสตรี)นางมุกเป็นท้าวศรีสุนทรแต่งตั้งถือเป็นวีรสตรีของไทย นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้และยกลงไปตีเมืองสงขลาเจ้าเมืองและกรมการเมืองพัทลุงทราบข่าวจึงหลบหนีเอาตัวรอดแต่พระมหาช่วยภิกษุที่ชาวเมืองนับถือมากได้ชักชวนชาวเมืองให้ต่อสู้สกัดทัพพม่าไว้ได้เมื่อกองทัพของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทยกลงไปช่วยได้สู้รบกับทัพพม่าที่เมืองไชยาทัพพม่าแตกพ่ายไปสำหรับพระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการทรงตั้งให้เป็นพระยาทุกขราษฎร์กรมการเมืองพัทลุง
หลังจากพ่ายแพ้ไทยกลับไป พระเจ้าปะดุง ได้รวบรวมกำลังตีไทยในปีถัดมาคือ พ.ศ. 2329โดยครั้งนี้ได้รวมกำลังเป็นทัพใหญ่ทัพเดียว พร้อมจัดหาเสบียงอาหารให้บริบูรณ์ยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์แล้วตั้งทัพที่ท่าดินแดง เมืองกาญจนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดห้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพหน้าพระองค์เป็นแม่ทัพหลวง ทัพทั้งสองไปโจมตีทัพพม่าพร้อมกัน สู้รบกันเพียง 3 วัน ทัพพม่าก็แตกพ่ายไป